เที่ยวแก่งกระจาน ดูผีเสื้อ ชมทะเลหมอกพะเนินทุ่ง
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ทะเลหมอกพะเนินทุ่ง ชื่อเหล่านี้คือ สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเพชรบุรี หลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อเหลานี้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องแจกแจงอธิบายให้ยืดยาวว่าแต่ละที่มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง การไปเที่ยวครั้งนี้ของฉัน จุดประสงค์หลัก คือ ตั้งใจจะมาถ่ายภาพผีเสื้อซึ่งมีเยอะในเดือน เม.ย. – พ.ค. รวมถึงชมทะเลหมอพะเนินทุ่ง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งมีให้ชมตลอดปี

ออกเดินทางจากกรุงเทพแต่เช้าตรู่ มาถึงเพชรบุรีประมาณ 9 โมง ระหว่างทาง แวะ เที่ยวเขาวัง หรือพระนครคีรี สถานที่ท่องเที่ยวที่จะเรียกว่าเป็นสัญลักษณ์โดดเด่นของเมืองเพชร นับเป็นเวลาหลายปีที่ฉันไม่ได้แวะมาที่นี่ แต่ถ้าผ่านไปมาในเ้ส้นทางนี้แทบนับครั้งไม่ถ้วน เขาวัง เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น. การขึ้นไปชมข้างบนนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นได้โดยการเดินหรือโดยสารรถรางไฟฟา เสียค่าบริการ ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 15 บาท แน่นอนส่วนใหญ่นักท่องเที่ยงคงเลือกที่จะนั่งรถรางมากกว่า

มาถึงข้างบนเสียค่าเข้าชมอีกรอบ 20 บาท เด็กเล็กชมฟรี เขาวังมีพระที่นั่ง พระตําหนัก วัด และกลุ่มอาคารต่างๆ มากมาย ส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบ นิโอคลาสสิคผสมสถาปัตยกรรมจีน ตั้งอยู่บนยอดเขาใหญ่ ๆ 3 ยอดด้วยกัน ข้างบนอากาศค่อนข้างร้อนมาก เพราะฉะนั้นควรเตรียมอุปกรณ์กันแดดมาให้พร้อม หากเราขึ้นมาจากรถรางพื้นที่ส่วนแรกที่เราจะได้ชม คือ ยอดเขาด้านทิศตะวันตก เป็นที่ตั้งของพระราชวังพระนครคีรี ในส่วนนี้จะมีพระที่นั่งที่สำคัญต่างๆ มากมาย รวมถึง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี ที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุเครื่องราชูปโภคของราชวงศ์ในอดีต

ฉันเดินเลยผ่านไปมองเห็นตัวปราสาทสีขาวโดดเด่นมาแต่ไกล มีชื่อว่า พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท ซึ่งสร้างตามคติที่ว่า การสร้างพระราชวังใหญ่จะต้องมีปราสาท


พระที่นั่งมีทางเดินโดยรอบสามารถมองเห็นวิวเมืองเพชรบุรีได้ชัดเจน

จากพระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท ก็มาถึงพระที่นั่งราชธรรมสภา ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลกัน เป็นพระที่นั่งสร้างด้วยศิลปะแบบผสมระหว่างไทย จีน และตะวันตก รูปทรงอาคารคล้ายเก๋งจีน ด้านในของพระที่นั่งไม่ได้เปิดให้เข้าชม


ตรงข้ามกับพระที่นั่งจะเป็น หอชัชวาลเวียงชัย เป็นหอทรงกลมสูงสองชั้น สร้างขึ้นเป็นที่ศึกษาและสังเกตการณ์ ทาง ดาราศาสตร์ สามารถชมทิวทัศน์ ของเมืองเพชรบุรีได้โดยรอบ เช่นกัน

เดินย้อนกลับไปยัง พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท เพื่อไปต่อยัง พระธาตุจอมเพชร เส้นทางเดินชมเขาวังในแต่ละจุดถึงแม้อากาศจะร้อนแต้ก็ร่มรื่นด้วยต้นไม้

พระธาตุจอมเพชร เป็นเจดีย์สีขาว ที่มองเห็นเด่นแต่ไกล พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯโปรดเกล้าให้บูรณะเจดีย์เก่าที่มีอยู่ก่อน แล้วอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ มาบรรจุไว้และพระราชทานนามว่า พระธาตุจอมเพชร


บริเวณรอบองค์พระธาตุมีทางเดินโดยรอบสามารถชมวิวได้

จากพระธาตุ มองเห็น หอชัชวาลเวียงชัย พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท และพระที่นั่งราชธรรมสภา ที่เราเพิ่งผ่านมาอยู่ไม่ไกล เป็นภาพในอีกมุมมองที่งดงามมาก
“ พี่ครับ พี่ครับ ข้างบนมีพระอาทิตย์ทรงกลดด้วย รีบไปถ่ายภาพซิครับ ” เสียงหนุ่มน้อยและคุณพ่อเรียกฉันอยู่หลายรอบ ในระหว่างที่กำลังยืนเก็บภาพในมุมนี้อยู่ ฉันมองขึ้นไปยังยอดพระธาตุเห็นรุ้งกินน้ำพาดผ่านกับแสงอาทิตย์ยามเที่ยงที่สาดส่องเข้ามายังด้านหลังองค์พระธาตุ พระอาทิตย์ทรงกลดที่น้องเค้าหมายถึงคือ สิ่งนี้ ฉันไม่รอช้ารีบวิ่งขึ้นไปทันทีเกรงว่าจะพลาดช้อตประทับใจนี้

เดินมาเรื่อยๆ ไปยังยอดเขาด้านทิศตะวันออกซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดพระแก้วหรือ วัดพระแก้วน้อย สร้างขึ้นเป็นวัดในเขตพระราชฐาน เช่นเดียวกับวัดพระแก้วในพระบรมมหาราชวัง

สิ่งที่น่าสนใจในบริเวณ วัดพระแก้วน้อย ได้แก่ เจดีย์แดง ปรางค์จัตุรมุขทาสีแดงทั้งองค์

เมื่อขึ้นไปยังบริเวณองค์เจดีย์จะเห็น พระธาตุจอมเพชร โดดเด่นอยู่ด้านซ้าย และกลุ่มพระที่นั่งซึ่งเห็นอยู่ไกลๆ ในมุมด้านขวา

นอกจากนี้ภายในวัดพระแก้วน้อยมีโบสถ์ มีสัดส่วนงดงาม และมีหน้าบันเป็นลวดลายปูนปั้น รูปตราพระมหาพิชัยมงกุฎ ซึ่งเป็นตราประจำรัชกาล พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ จัดเป็นงานปูนปั้นที่มีชื่อเสียงชิ้นหนึ่งของเมืองเพชรบุรี


จากเขาวังก็มาถึง พระราชวังบ้านปืน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขาวังมากนัก ฉันได้ยินชื่อของที่นี่มานานแต่ไม่มีโอกาสแวะมาซักที ที่นี่เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น. โดยค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท นักเรียนนักศึกษาในเครื่องแบบ 5 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท

ในปัจจุบัน พระราชวังบ้านปืน อนุญาติให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพได้เฉพาะตัวอาคารด้านนอกเท่านั้น ส่วนพื้นที่ด้านในสามารถเดินชมได้แต่ไม่อนุญาติให้ถ่ายภาพบันทึกความประทับใจด้วยสายตาและความทรงจำล้วนๆ

หลังจากแวะรับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว มุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อไปซึ่งเป็นไฮไลต์ของทริป อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน บรรยากาศในช่วงบ่ายแก่ๆ ร้อนเอาเรื่อง แต่วิวทิวทัศน์ที่งดงามรอบเขื่อนก็ทำให้ฉันลืมความรู้สึกนี้ไปได้บ้าง


ลานกางเต้นท์อีกหนึ่งจุดของอุทยานฯ ในเวลานี้งดงามด้วยดอกกัลปพฤกษ์สีเหลืองสดใส ซึ่งจะเบ่งบานเต็มที่ในช่วงหน้าร้อน

มาเที่ยวแก่งกระจานเลือกพักได้หลายจุด ที่พักเอกชนรอบนอกอุทยานก็มีมากมาย หรือจะกางเต้นท์ในอุทยานก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ฉันเลือกพักข้างในตัวอุทยานโดยจองบ้านพักของอุทยานฯไว้ อยู่ภายในบริเวณจากเขื่อน เป็นบ้านพักหลังใหญ่นอนได้ 10 คน ข้างในมีสิ่งอำนวยความสะดวก คือ พัดลม ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น ตามแบบฉบับของบ้านพักอุทยาน

มาถึงแก่งกระจานปุ๊บฝนตกทันที จากที่ตั้งใจจะชมพระอาทิตย์ตกแผนเลยต้องเปลี่ยน กิจกรรมของพวกเราในเวลานี้ คือ กิน เขื่อนแก่งกระจานมีร้านอาหารเยอะค่ะ แต่แนะนำร้านนี้เลย ครัวแก่งเพชร อยู่เลยมาจากที่ทำการอุทยานไม่ไกลนัก ที่นี่นอกจากวิวจะสวยอยู่ริมเขื่อนแต่ขออภัยที่ไม่ได้เก็บภาพบรรยากาศนั้นมาฝากเนื่องจากในเวลานั้นฝนตกเลยมุ่งแต่รับประทานเพียงอย่างเดียว อาหารรสชาติอร่อยทุกเมนู โดยเฉพาะเมนูปลาต่างๆ สดมาก มีหลากหลายเมนูให้เลือกราคาก็ไม่สูงมาก คณะฉันฝากท้องไว้ที่นี่ทั้งมื้อเย็นและกลางวัน มื้อแรกสั่งปลากระพงนึ่งมะนาว ยำผักกูดใส่กุ้ง ทอดมันปลา ผัดฉ่าปลากด ส่วนอีก 1 มื้อ หน้าตาอาหารตามนี้ค่ะ มีปลานิลสามรส แก่งป่าปลา และไก่อะไรซักอย่าง ซึ่งเป็นเมนูแนะนำ จำชื่อไม่ได้แล้วค่ะ





เช้าวันต่อมาก็ถึงเวลาที่เราต้องไปชมทะเลหมอกที่ เขาพระเนินทุ่ง ขึ้นไปชมทะเลหมอกหากใครไม่มีรถกระบะหรือรถส่วนตัว สามารถติดต่อเช่ารถกระบะที่ทำการอุทยานได้เลย คิดค่าบริการ 1600 บาท นั่งได้ 10 คน ราคานี้รวมแวะถ่ายภาพผีเสื้อตามจุดต่างๆ ระหว่างทางด้วยค่ะ รถกระบะจะมารับเราตั้งแต่ตี 5 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ก็มาถึงยังทะเลหมอกพะเนินทุ่ง การขึ้นลงเขาพะเนินทุ่งเพื่อความเป็นระเบียบและป้องกันอุบัติเหตุเนื่องจากระยะทางบางช่วงค่อนข้างแคบ ทางอุทยานเลยจัดเวลาให้ขึ้นลงเป็นรอบ โดยจุดสตาร์รถจะเริ่มจากแคมป์บ้านกร่าง
วันธรรมดาจะเปิดให้รถขึ้นและลงแบ่งออกเป็น 3 รอบ
- เวลาขึ้นรอบที่ 1 ตั้งแต่เวลา 05.00-08.00 น. รอบที่ 2 เวลา 11.00-12.00 น. รอบที่ 3 ตั้งแต่เวลา1 5.00-16.00 น.
- เวลาลงรอบที่ 1 ตั้งแต่เวลา 09.00 -10.00 น.รอบที่ 2 เวลา 13.00 -14.00 น.รอบที่ 3 ตั้งแต่เวลา 17.00-18.00 น.
- เวลาขึ้นรอบที่ 1 ตั้งแต่เวลา 05.00-08.00 น. รอบที่ 2 เวลา 11.00-12.00 น. รอบที่ 3 ตั้งแต่เวลา1 5.00-16.00 น.
- เวลาลงรอบที่ 1 ตั้งแต่เวลา 09.00 -10.00 น.รอบที่ 2 เวลา 13.00 -14.00 น.รอบที่ 3 ตั้งแต่เวลา 17.00-18.00 น.
ช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวันเช่นช่วงปีใหม่กำหนดเวลาขึ้นลงไว้ 2 รอบ
- เวลาขึ้นรอบที่ 1 ตั้งแต่เวลา 05.00-08.00 น. รอบที่ 2 ตั้งแต่เวลา13.00 -15.00 น.
- เวลาลงรอบที่4 ตั้งแต่เวลา10.00-12.00 น. รอบที่ 2 ตั้งแต่เวลา17.00-18.00 น.
- เวลาขึ้นรอบที่ 1 ตั้งแต่เวลา 05.00-08.00 น. รอบที่ 2 ตั้งแต่เวลา13.00 -15.00 น.
- เวลาลงรอบที่4 ตั้งแต่เวลา10.00-12.00 น. รอบที่ 2 ตั้งแต่เวลา17.00-18.00 น.

ตอนแรกแอบเซ็งเล็กน้อยมาถึง 7 โมง ไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้น แต่พี่คนขับบอกว่าพระอาทิตย์ขึ้นอีกฝั่งนึงไม่ใช่มุมที่มองเห็นทะเลหมอกอยู่แล้ว มาถึงเร็วกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์เพราะบรรยากาศก็มืดๆ ทึมๆ มาถึงเวลานี้ดีที่สุดฟ้าสว่างแล้ว

ทะเลหมอกพะเนินทุ่ง สามารถชมได้ตลอดปีเพราะทะเลหมอกที่นี่เกิดจากจากต้นไม้ที่อุดมสมบูรณ์คลายก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซต์ออกมาเกิดเป็นหมอกที่สวยงามไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน

มาถึงปุ๊บนักท่องเที่ยวเยอะมาก เลยได้แต่เก็บภาพในมุมเจาะมาเป็นส่วนใหญ่

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น